ได้เวลา “Back to School”
ได้เวลา “Back to School”
ที่พระภิกษุทั้งหลายท่านเทศนาโปรดพวกเรามาตลอดว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” นั้น…กำลังจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยของเราแล้วครับ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะค่อยๆผ่านไป แม้คำว่า “เดี๋ยว” ในครั้งนี้จะยาวนานกว่า “เดี๋ยว” ตามปกติทั่วไปอยู่สักหน่อย แต่ในที่สุด “มัน” ก็จะผ่านไปจนได้ ผมหมายถึง 2 ปีเต็มๆ ที่เราต้องเผชิญกับความทุกข์ยากสารพัดสารพันจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 นั่นแหละครับ ที่กำลังจะค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…ทีละนิด…ณ บัดนี้ ประเทศไทยเริ่มเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว ในขณะที่กฎกติกาความเข้มงวดด้านสาธารณสุขก็เริ่มคลี่คลาย และเริ่มมีข่าวว่าอาจมีการทดลองซักซ้อมในบางจุดของประเทศ เพื่อเตรียมการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
แต่ที่แน่ๆ พรุ่งนี้ จะเป็นวัน “เปิดเทอมใหม่” 2566 แล้วครับ…นักเรียนทั่วประเทศจะกลับคืนสู่ห้องเรียนอีกครั้ง…หลังจากที่ต้องปิดโรงเรียน หันมาใช้วิธีการเรียนการสอนทาง “ออนไลน์” อย่างน้อยก็ปีครึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมา ก่อให้เกิดผลเสียแก่เด็กไทยที่เรียกว่า “ภาวะการถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss)” อย่างใหญ่หลวง เพราะการเรียนหรือการสอนทางไกลนั้น อย่างไรเสียก็สู้การไปนั่งเรียนในชั้นเรียนอย่างใกล้ชิดกับคุณครูไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งจากการประเมินผลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพบว่า การเรียนการสอนทาง “ออนไลน์” ที่ผ่านมานั้นทำให้เด็กๆชั้นประถม 1-6 มีภาวะถดถอยทางการเรียนด้าน “ทักษะการอ่าน” และ “คณิตศาสตร์” อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ คุณลักษณะของเด็กนักเรียนก็เปลี่ยนไป เช่น ไม่กล้าตอบคำถาม ไม่อยากพูดคุย และไม่อยากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้…เป็นต้น
แนะนำข่าวเด็ก อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : อย. สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนโควิด-19 รุ่นปรับปรุง เป็นโดสกระตุ้นให้เด็กเล็ก